
บทความธรรมะ
-
วิธีอยู่อย่างมีความสุขปัญญานันทภิกขุมนุษย์เรานี้มีข้อเสียประการหนึ่ง คือว่า ชอบเก็บทุกอย่าง วัตถุก็เก็บ อารมณ์ก็เก็บ มีอะไรผ่านมาก็เก็บใส่กระเป๋าเสียเรื่อย เอาไปกองไว้เยอะแยะในที่ที่จะกองได้ ถ้ามีทางพอที่จะวางของได้ มันก็ค่อยมากขึ้น ๆ ถ้าเราเก็บไว้ด้วยอารมณ์หวงแหน เก็บไว้ด้วยความโลภ ความตระหนี่ อันนั้นมันก็เป็นกิเลสเกิดขึ้นในใจ ทำให้เป็นภาระ เป็นกังวลด้วยประการต่าง ๆ นิสัยของมนุษย์ก็ชอบเก็บอย่างนี้ เพราะฉะนั้นจึงเก็บไปถึงอารมณ์ เรียกว่าเป็นสิ่งไม่มีตัวตนอะไร มันเป็นนามธรรม ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป แต่ว่าเราไม่ให้มันดับไป เอามาเก็บไว้ ทุกคนลองคิดดูว่า ในชีวิตของเรานี่เก็บอะไรไว้บ้าง เรื่องเก่าๆแก่ๆ ตั้งแต่ในสมัยก่อนๆ สมมติว่าในสมัยเป็นเด็กเรายังจำได้ว่า อะไรเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ถ้าเพียงนึกแล้วหัวเราะ ตนเองก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าบางทีเรานึกแล้วก็เศร้าใจ น้อยใจในโชคชะตาของตนเอง ว่าเรานี้เกิดมาไม่เหมือนเขา เขาสะดวกเขาสบาย เขามั่งมีก้าวหน้า แต่ว่าเรานี้ไปไม่รอด เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นในตัวเอง ว่ามีสภาพเช่นนั้น อันนี้ก็เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะว่าไปเอาของเก่ามาดู มาดูไม่ได้ดูด้วยปัญญา แต่ดูด้วยความหลงผิดความเข้าใจผิด จึงได้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อนด้วยประการต่างๆ คนบางคนมีอายุมากแล้ว แต่ยังคิดถึงความหลัง ซึ่งทำให้เศร้าเสียใจ ของเก่าที่ผ่านพ้นไปแล้ว แล้วเอามาคิดให้มันเป็นทุกข์นี่ไม่ดีแน่ อย่าคิดอย่างนั้น ถ้าเอามาคิดแต่เพียงเพื่อศึกษาเรื่องชีวิต เพื่อให้เห็นว่า ชีวิตเรานี่มันผ่านอะไรมามากมาย […]
-
แว่นส่องความเป็นพระโสดาบันแว่นส่องความเป็นพระโสดาบัน อานนท์ ! เราจักแสดง ธรรมปริยายอันชื่อว่า แว่นธรรม ซึ่งหากอริยสาวกผู้ใด ได้ประกอบพร้อมแล้ว เมื่อจำนงจะพยากรณ์ตนเอง ก็พึงทำได้ในข้อที่ตน เป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดเดรัจฉานสิ้นแล้ว มีเปรตวิสัย สิ้นแล้ว มีอบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว, ในข้อที่ตนเป็น พระโสดาบันผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เที่ยงแท้ต่อ พระนิพพาน เป็นผู้มีอันจะตรัสรู้ธรรมได้ในกาลเบื้องหน้า ดังนี้. อานนท์ ! ก็ธรรมปริยายอันชื่อว่า แว่นธรรม ในที่นี้ เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ ประกอบพร้อมแล้วด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น ไม่หวั่นไหวในองค์พระพุทธเจ้า…. ในองค์พระธรรม…. ในองค์พระสงฆ์….และอริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้วด้วยศีลทั้งหลายชนิดเป็นที่พอใจของ เหล่าอริยเจ้า คือเป็นศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นศีลที่เป็นไทจากตัณหา เป็นศีลที่ผู้รู้ท่านสรรเสริญ เป็นศีลที่ทิฏฐิไม่ลูบคลำ และเป็นศีลที่เป็นไปเพื่อสมาธิ. อานนท์ ! ธรรมปริยายอันนี้แล ที่ชื่อว่า แว่นธรรม ซึ่งหากอริยสาวกผู้ใดได้ประกอบพร้อมแล้ว เมื่อจำนงจะพยากรณ์ตนเอง […]
-
คำแผ่บารมีมหากุศลอธิษฐานคำแผ่บารมีกุศลมหาอธิษฐานนี้ ถ้าใครใช้อธิษฐานทุกวันจะช่วยเสริมบารมีให้สำเร็จผลดังใจปรารถนาทุกประการ ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมีของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระสาวกทุกองค์ พระโพธิสัตว์ทุกองค์ พรหมทุกองค์ เทวดาทุกองค์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณทุกท่าน จงมาสถิตอยู่เหนือเศียรเกล้าของข้าพเจ้า ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์จงทุกประการเทอญ บุญกุศลที่ข้าพเจ้าบำเพ็ญมาในอดีตชาติก็ดี ในปัจจุบันชาติก็ดี และที่จะบำเพ็ญไปจนกว่าที่จะถึงซึ่งพระนิพพานก็ดี ที่จะให้ผลแก่ข้าพเจ้าเพียงใด ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนั้นให้แก่จิตวิญญาณทุกดวง ทั้งหมื่นโลกธาตุ แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้อนุโมทนาในกุศลนั้น และจงพลันบังเกิดเป็นเครื่องสักการะบรรณาการอันเป็นทิพย์ ที่ท่านยินดีพอใจเป็นร้อยเท่าพันทวีที่ท่านต้องการ ขอให้ท่านจงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธรรมสาร สมบัติ พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล ด้วยลาภ ยศ สุข สรรเสริญ และอธิบดีอันเป็นทิพย์ยิ่งยิ่งขึ้นไป ท่านคิดปรารถนาสิ่งใด ขอจงได้สำเร็จสมความปรารถนาทุกสิ่งทุกประการตลอดเวลา ขอให้ท่านจงสถิตอยู่ในฐานะบิดา มารดา ช่วยบำรุงรักษาข้าพเจ้าซึ่งอยู่ในฐานะลูกสาว-ลูกชาย ให้ปราศจากภัยอันตรายจะมาแผ้วพาน ขอให้เจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่งทุกประการ จนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคตกาลอันใกล้นี้ด้วยเทอญ อนึ่ง บุญใดที่ท่านทั้งหลายได้บำเพ็ญมาทุกภพทุกชาติ ข้าพเจ้าขออนุโมทนา ขอให้ข้าพเจ้าจงมีส่วนแห่งบุญนั้นจงทุกประการเทอญ สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านทั้งหลายด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ในอดีตชาติก็ดี ในปัจจุบันชาติก็ดี และที่จะบำเพ็ญไปจนกว่าที่จะถึงซึ่งพระนิพพานก็ดี ที่จะให้ผลแก่ข้าพเจ้าเพียงใด […]
-
หยุดคิดอย่างมีสติเรื่อง : มุ่ยซันหยุดคิด ความคิดมันเป็นเรื่องธรรมดาของคนเราอยู่ตลอดเวลา อยู่แล้ว ใครล่ะที่จะหยุดคิดได้ ก็เห็นจะมีแต่องค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ประสงค์จะคิดก็คิดได้ ประสงค์จะหยุดก็หยุดได้ตามปรารถนา แต่อย่างเราทั้งหลายนี่คิดมากเกินไปเลยทุกข์กันทั่วหน้า คิดมากก็ชั่วมาก คิดน้อยก็ชั่วน้อย ถ้าไม่อยากจะชั่วก็หยุดความคิดซะ แต่มันหยุดยากหน่อย ต้องหมั่นฝึกความรู้ทันให้รู้ทันก่อนจะคิดให้กำหนดว่า จะคิดหนอๆ เรื่องชอบ ชัง เฉย ต้องรู้ทันให้หมด อย่าประมาทให้ความคิดแทรกสิงไวกว่าแสง เกิดดับไวเท่าจิต ชั่วพริบตาเดียวจิตเกิดดับหลายแสนดวง แต่ถ้าเรารู้ทันสักหนึ่งดวงก็คุ้มแล้วต่อไป ก็จะชำนาญต่อไปก็จะอ่านชีวิตออก บอกได้ ใช้เป็น หายโง่แน่นอน อัจฉริยะบุคคลเท่านั้นที่เขาขยันฝึกกันจะได้อยู่ได้อย่างไม่ขาดทุน บุญกุศลความดีเหลือใช้แน่นอน ตาเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กายถูกต้อง ใจรู้อารมณ์ มันก็ต้องคิดเป็นธรรมดา แต่ถ้าเรารู้ทันความคิดได้รู้ทันจะคิดได้นี่มันไม่ธรรมดา คนฉลาดเท่านั้นแหละเขาจึงจะทำได้ ตาเห็นรูปกำหนดว่า เห็นหนอๆ หูได้ยินว่าได้ยินหนอๆ กลิ่นหนอๆ รสหนอๆ ถูกหนอๆ คิดหนอๆ คนเก่ง รู้ทันได้แม้แต่จะคิดหนอๆ ดูลมหายใจ เข้าออกเป็นหลักก็ได้ ลมหายใจเข้ากำหนดว่าเข้าหนอ ลมหายใจออกกำหนดว่าออกหนอ พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าต้องรู้ทันทุกอย่าง ยืน เดิน นั่งนอน คู้ […]
-
บุญ กับ คำอธิษฐานดาหลาบุญ กับ คำอธิษฐาน เราตั้งจิตอธิฐานอย่างไร พลังบุญซึ่งเป็นกระแสบุญธาตุอันบริสุทธิ์ ก็จะส่งเอาไปใช้ให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ตามความปรารถนาของเรา ถ้าเราตั้งความปรารถนาใหญ่ กำลังบุญก็จะต้องพอเหมาะพอสมกัน เช่น ปรารถนาจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กำลังบุญก็ต้องเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ทั้ง ๓๐ ทัศ จึงจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เพราะฉะนั้น พระบรมโพธิสัตว์จึงไม่ได้ทำบุญครั้งเดียว อธิษฐานครั้งเดียว แต่ทำนับครั้งไม่ถ้วน นับชาติไม่ถ้วน ซึ่งก็แล้วแต่ว่าสิ่งที่เราปรารถนานั้นมันเล็ก ปานกลาง หรือยิ่งใหญ่ขนาดไหนที่จะพอเหมาะพอดีกัน เหมือนเรามีเงินนิดหน่อย แต่อยากจะซื้อบ้านหลังใหญ่ หรือรถเก๋งหรู ๆ มันก็ยังซื้อไม่ได้ เพราะฉะนั้นของที่เราอยากได้ต้องพอเหมาะกับเงินที่เรามี บุญก็เช่นเดียวกันจะต้องพอเหมาะ กับสิ่งที่เราได้ตั้งความปรารถนาเอาไว้ เมื่อบุญยังมีไม่พอ ก็ต้องค่อย ๆ สั่งสมกันไป กลับสู่หน้าหลัก “บทความธรรมะ”
-
มุมมองกับชีวิตโดย พุทธบุตรเคยเขียนบทความที่ว่า ชีวิตกับมุมมอง ให้ใคร่ครวญและอ่านกันตามประสา ชาวโลกที่มีความรู้สึกนึกคิดตามประสามนุษย์ที่มีสหมอง วันนี้จะเขียนบทความสั้นๆ ที่ว่ามุมมองกับชีวิต ท่านว่ามันต่างกันหรือเปล่า ระหว่างมุมมองกับชีวิต หรือชีวิตกับมุมมอง เราจะเลือกใช้บริการอย่างไรจึงควร…….เพราะชีวิตมันเป็นอย่างนี้อยู่ย่างที่มันเป็น เราจึงมองชีวิตมันอย่างนี้ อย่างนั้นหรือ……หรือเพราะเรามีมุมมองอย่างนี้คิดอย่างนี้ว่า จึงพาชีวิตดำเนินไป เป็นไปอยู่อย่างนี้ บางคนอาจสมหวังในมุมมองแห่งตนก็มีอยู่…..แต่บางคนอาจโทษชีวิตทีี่เป็นอยู่ตามมุมมอง……..ระหว่างมุมมองกับชีวิต………หรือชีวิตกับมุมมอง อะไรกันแน่ที่เราควรถามตัวเอง…….สัมมาทิฎฐิ….. กลับสู่หน้าหลัก “บทความธรรมะ”
-
คำสอนของคุณยายโดย ดาหลา• “เวลามีทุกข์ให้สวดมนต์เยอะ ๆ • นั่งภาวนาสัมมาอะระหังให้มาก ๆ • ไม่มีใครช่วยเราได้เท่ากับตัวเราเอง” กลับสู่หน้าหลัก “บทความธรรมะ”

คำคมธรรมะเตือนใจ
-
คนสองประเภทพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธีโลกนี้มีคนสองประเภท คือ คนที่โชคดี และ คนที่โชคดีกว่า คนที่โชคดี คือ คนที่ชีวิตมีแต่ความราบรื่น คนที่โชคดีกว่า คือ คนที่เกิดมาเจอแต่ปัญหาและอุปสรรค แต่ก็สามารถฝ่าฟันและเอาชนะจนได้ในที่สุด
-
คนที่มีความสุขที่สุดในโลกคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ไม่ใช่คนที่ฝันอะไรก็ได้อย่างนั้น หรือคนที่ประสบความสำเร็จที่สุด เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีใครที่จะได้ตามที่ฝันทุกครั้ง และไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง คนเราต้องผิดหวัง หรือล้มเหลวบ้างเป็นธรรมดา คนที่มีความสุขจึงเป็นคนที่ไม่ว่าจะยืนอยู่ ณ จุดไหน ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่ว่าจะสมหวังหรือไม่สมหวัง เขาก็สามารถค้นเจอความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่ได้
-
อย่าทำชีวิตให้ระทมทุกข์…!!!อย่าทำชีวิตให้ระทมทุกข์…!!! เหมือนดั่งใบไม้ที่แห้งเหี่ยวร่วงหล่นโรยรา…!!! แต่จงทำชีวิตให้สว่างไสวจรัสเจิดจ้า…!!! ดั่งดอกบัวที่บานยามเช้าเพื่อรองรับ แสงตะวันและสิ่งดีงามดีกว่า!!!

เข้าใจธรรมะ
-
ตามหา“โชค”ให้ตนเองคนที่ดำเนินชีวิต หรือทำงานแล้วไม่ค่อยบรรลุผลสำเร็จตามที่ตนเองคาดหวังไว้มักจะโทษว่าตนเองโชคร้าย ไม่โชคดีเหมือนคนอื่น ๆ เขา หรือแม้แต่โทษกรรมเก่า อย่างที่พวกเราหลายๆ คนคงเคยได้ยินเพื่อนฝูง หรือเคยมีความรู้สึกว่า ไม่พอใจในงานหรือในอาชีพที่ตนทำอยู่ เขาคิดว่าเขาอาจมีโชคดีขึ้น อาจมีความร่ำรวย และสุขสบายขึ้น ถ้าหากเขาได้ทำงานอย่างที่คนโน้นทำอยู่ เพราะคิดว่าถ้าได้ทำงานเช่นนั้นเขาคงจะมีโชคดีขึ้น คนขายของก็อยากเป็นดาราภาพยนตร์ คนครัวก็อยากเป็นสมุห์บัญชี ทนายความก็อยากเป็นแพทย์ นายแพทย์ก็อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ อะไรทำนองนี้ ดูยุ่งเหยิงไปหมด สรุปก็คือ แต่ละคนมักจะดูหมิ่นเหยียดหยามอาชีพของตนเองว่าไม่มีความก้าวหน้า สู้อาชีพของคนอื่นไม่ได้ จริงอยู่บางครั้งการเปลี่ยนอาจจะทำให้ประสบความสำเร็จได้ แต่การเริ่มต้นใหม่ในอาชีพที่ไม่ชำนาญนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ผมอยากจะบอกว่า ผู้ที่เห็นว่าอาชีพใดรุ่งเรืองและอยากจะประกอบอาชีพนั้น ๆ บ้าง ล้วนแต่เป็นพวกคิดสั้น เพราะนอกจากปัญหาความถนัดในอาชีพแล้ว ถ้าหากเขาได้ศึกษาให้ลึกลงไปอย่างแท้จริง เขาจะพบว่า ผู้ที่ประสบโชคดีในอาชีพที่เขาปรารถนาอยู่นั้น ต้องต่อสู้ ผจญกับความลำบาก และต้องผ่านปัญหาอุปสรรค ด้วยความมานะอดทนมาแล้วไม่น้อยไปกว่าอาชีพของเขาเลย ในทำนองเดียวกันพวกเราหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่าเป็นเพราะกรรมเก่าของเขาจึงทำให้เขาต้องเผชิญชีวิตเลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีก ที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ ผมไม่ได้บอกว่าไม่ให้เชื่อในกฎแห่งกรรม แต่การคิดแบบนี้จะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับการดำเนินชีวิต การคิดว่าเกิดมาเพื่อใช้กรรมเก่าหรือเป็นเพราะกรรมเก่าชีวิตจึงเป็นเช่นนี้โดยไม่พยายามขวนขวายต่อสู้ดิ้นรนพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นเป็นความคิดที่ไม่สร้างสรรค์ การคิดโทษว่าเป็นเรื่องของกรรมเก่านั้นเท่ากับคุณยอมให้กรรมเก่ามาเป็นตัวกำหนดชีวิตของคุณ ชีวิตเกิดมาเพื่อการต่อสู้และต้องพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับสังคมและคนรุ่นต่อไป ถึงแม้ว่ามนุษย์อาจจะมีกรรมเก่าที่ติดตามตัวมาเพราะกรรมเป็นเรื่องเฉพาะตน ไม่สามารถไปฝากหรือผลักภาระให้ใครมาชดใช้ได้ก็ตาม การชดใช้กรรมเก่าไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ถ้าถึงเวลาต้องชดใช้กรรมก็ชดใช้ไปและไม่สร้างกรรมชั่วใหม่ขึ้นมาอีก ขณะเดียวกันการพยายามสร้างกรรมดีขึ้นมาก็เป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่ควรจะทำด้วยเช่นกัน กรรมดีที่สร้างขึ้นในปัจจุบันก็จะเป็นเหตุต่อผลลัพธ์ที่ดีที่จะเกิดตามมา […]
-
รู้จริงคือไม่รู้รู้จริงคือไม่รู้ สัจนี้ อมตะวาจา ทำไม่เล่าท่านสาธุชนทั้งหลาย ก็เพราะว่า ความจริงมันไม่มีอะไร ฉะนั้นในสิ่งที่เรารู้ทั้งหลายมันจึงไม่จริงซักเรื่องเลย มันก็เท่านั้นแล อย่ามั่วมาก เดี๋ยวมันจะหลงทางไปไกลนะจ๋ะ ทางที่ควรเดิน ปลุกตัวให้ตื่น สวรรค์ก็ตัณหา ธรรมก็ตัณหา ไม่ธรรมก็ตัณหา นิพพานก็ตัณหา จะหวังอะไรกับดอกไม้ริมทางและศาลาพักร้อนขางถนน ในเมื่อที่สุดแห่งทางๆนี้ คือความว่างเปล่า หยุด ไม่รู้วันนี้ดีกว่า เพื่อว่าวันพรุ่งนี้เราจะได้ไ่ม่เหนื่อยกับหนทางที่เวียนวน…..สัมมาทิฎฐิ…. กลับสู่หน้าหลัก “บทความธรรมะ”
-
พุทธวิธีแก้จนพุทธวิธีแก้จน ความฝืดเคืองในภพชาติต่อไปจะหมดสิ้นไป ด้วยมหาทานบารมีที่เราสั่งสมกันอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าหากใครทำไม่สม่ำเสมอ สมบัติก็จะมาเป็นช่วง ๆ เป็นตอน ๆ เราประกอบเหตุอย่างไร ผลก็เป็นอย่างนั้น เพราะในชีวิตของสังสารวัฏมีแต่เรื่องเหตุกับผล ประกอบเหตุอย่างนี้ ผลก็ต้องเป็นอย่างนั้น ที่มีผลอย่างนี้เพราะประกอบเหตุจากสิ่งโน้น มีแต่เรื่องเหตุเรื่องผลทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องงมงายเลย กลับสู่หน้าหลัก “บทความธรรมะ”
-
ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็นธรรมผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็น ตถาคต ผู้ใดเห็นตถาคต ผู้นั้นเห็นปฎิจจสมุปบาท ..สมัยหนึ่งพระผู้มีภาคเจ้าประทับอยูี่ ณ วิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผูุ้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระพุธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูก่อนก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตจักแสดง จักจำแนกปฏิจจสมุปบาทแก่พวกเธอ พวกเธอจงฟังปฏิจจสมุปบาทนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า อย่างนั้น พระพุธทเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิจจสมุปบาทเป็นไฉน ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอวิชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจัยจึงมีวิญญาณ เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงมีนามรูป เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัยจึงมีผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัยจึงมีเวทนาเพราะเวทนาเป็นปัจจัยจึงมีตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงมีอุปทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัยจึงมีมรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ชรามรณะเป็นไฉน ความแก่ ภาวะของความแก่ฟันหลุด ผมหลุด หนังเหี่ยวย่น ความเสื่อมแห่งอายุ ความแก่หง่อมแห่งอินทรีย์ในหมู่สัตว์นั้นๆ […]

กฏแห่งกรรม
-
การลดวิบากกรรม ๔๕ อย่างบางท่านว่าผลกรรมชั่ว ตัดได้บางท่านว่า ผลแห่งกรรมชั่วตัดไม่ได้บางท่านว่า บางอย่างได้ บางอย่าง ไม่ได้บางท่านว่า ตัดไม่ได้ ผ่อนหนักเป็นเบาได้ ลด หลบ หลีก พอได้ยังไงก็แล้วแต่ เชื่อ ไม่เชื่อ หรือ จะตัดได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แน่นอนที่สุด ถ้าเราไม่ทำเหตุทำให้เกิดกรรมแบบนั้นอีก น่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา ลอกมานะครับ ดูแล้วดีพอควร การลดกรรม 45 อย่าง 1. ไม่มีลูก กรรมจาก การทำร้ายลูกของสัตว์อื่น พรากสัตว์อื่นจากพ่อแม่หรือเคยข่มเหงลูกคนอื่น ลดกรรม ด้วยการงดกินเนื้อสัตว์ทุกๆ 7 วัน ในทุกๆเดือนทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญบริจาคทานที่มูลนิธิสัตว์หรือมูลนิธิเด็กอ่อน 2. เจ็บป่วยบ่อย หรือเป็นโรคร้าย กรรมจาก เคยทำทารุณกรรมต่อสัตว์ ลดกรรม ด้วยการทำบุญทำทานกับสัตว์อนาถาม ให้อาหารให้ความเมตตา ซื้อยาหรือบริจาคเงินที่โรงพยาบาลสงฆ์ ทำบุญปล่อยเต่า งดกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต 3. ตาบอดหรือเป็นโรคตา กรรมจาก เคยทำร้ายสัตว์ที่ดวงตา หรือไม่เคยทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงในชาติก่อน หรือเคยทำลายไฟฟ้าของวัด ของที่สารธารณะ […]
-
เรื่องของ “กฎแห่งกรรม” ที่ควรรู้พระพุทธองค์ตรัสถึงกฎแห่งกรรมว่า อดีตชาติได้แต่ประกอบแต่กรรมดี จึงได้เกิดมามียศสูงศักดิ์และร่ำรวยในโภคทรัพย์ ผู้ใดบำเพ็ญธรรมมาตลอดจะได้บุญวาสนาไปทุกภพทุกชาติ มนุษย์จงฟังให้ดี ฟังตถาคตกล่าวผลกรรมของไตรภพผลกรรมของไตรภพเป็นเรื่องใหญ่ จงอย่าดูหมิ่นพุทธพจน์ จงฟังผลกรรมดังต่อไปนี้ *ปัจจุบันเป็นขุนนางเพราะเหตุใด ชาติก่อนนำทองคำสร้างพระพุทธรูป *สิ่งที่ได้รับในชาตินี้เพราะชาติก่อนทำไว้ ถวายเครื่องทรงสักการะพระพุทธองค์ *ทองคำสร้างองค์ดั่งสร้างตนเอง เครื่องทรงสักการะคืออาภรณ์ประดับกาย *ดังนั้นอย่าคิดว่าขุนนางนั้นเป็นง่าย หากไม่ได้สร้างบุญก่อกุศลแต่ปางก่อนไว้ ไฉนเลยจะได้รับ *มีรถนั่งมีเรื่อขี่เพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนสร้างถนนทำสะพาน *มีเสื้อผ้าแพรพรรณประดับกายเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนบริจาคเสื้อผ้าให้ผู้ยากจน *มีอาหารอิ่มสมบูรณ์เพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ยากจน *ที่ไม่มีจะกินจะใส่เพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนไม่เคยบริจาคทานเลยแม้แต่น้อย *มีตึกรามบ้านบ้านช่องเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนบริจาคข้าวสารช่วยผู้ยากไร้ *มีบุญมีวาสนาเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนสร้างวัดสร้างศาลา *มีหน้าตามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนบูชาพระพุทธรูปดอกไม้เครื่องหอม *มีปัญญา มีความปราดเปรื่องเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนสวดมนต์สรรเสริญพระนามพระพุทธเจ้า *มีภรรยาดีมีมรรยาทพร้อมเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนได้สร้างสมบุญกุศลมาร่วมกัน *สามีภรรยามีอายุยืนยาวเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนได้แต่งริ้วธงประดับหน้าพระพุทธรูป *มีพ่อแม่อยู่ครบเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนเห็นอกเห็นใจผู้กำพร้า *ไม่มีพ่อแม่เพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบยิงนกตกปลา *เลี้ยงลูกไม่รู้จักโตเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบเจ็บแค้นผู้อื่น *ชาตินี้ไม่มีลูกเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนข่มเหงรังแกลูกชาวบ้าน *ชาตินี้อายุยืนเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบซื้อสัตว์ปลดปล่อยชีวิต *ชาตินี้อายุสั้นเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต *ชาตินี้ไม่มีภรรยาเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบผิดประเวณี ข่มขื่นลูกเมียเขา *ชาตินี้เป็นม่ายเพราะเหตุใด เพราะชาติก่อนชอบดูหมิ่นดูแคลนสามี […]
Our Hours เวลาเยี่ยมวัดและปฏิบัติธรรม
-
Monday
เช้า 8.00 am -11.00 บ่าย 12.00-17.00 pm. (ทำวัตรเย็น 18.00 น.) -
Tuesday
เช้า 8.00 am -11.00 บ่าย 12.00-17.00 pm. (ทำวัตรเย็น 18.00 น.) -
Wednesday
เช้า 8.00 am -11.00 บ่าย 12.00-17.00 pm. (ทำวัตรเย็น 18.00 น.) -
Thursday
เช้า 8.00 am -11.00 บ่าย 12.00-17.00 pm. (ทำวัตรเย็น 18.00 น.) -
Friday
เช้า 8.00 am -11.00 บ่าย 12.00-17.00 pm. (ทำวัตรเย็น 18.00 น.) -
Saturday
เช้า 8.00 am -11.00 บ่าย 12.00-17.00 pm. (ทำวัตรเย็น 18.00 น.) -
Sunday
สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ตลอดทั้งวัน
(ทำวัตรเย็น 18.00 น.)
Visit us เยี่ยมวัดธรรมปทีป
Dhammapadipa Temple
199 Slateford Rd, Slateford, Edinburgh, EH14 1LA, Scotland UK
Phone: (+44) 0131 443 1010,
Mobile: 079 1021 3329
E-mail: info@dpadipa.org
วัดธรรมปทีป ประเทศสก๊อตแลนด์
เป็นสาขาของวัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ (2002) พระราชภาวนาวิมลเจ้าอาวาสวัดพุทธปทีป ได้มีดำริที่จะ ขยายสาขาวัดออกไปยังจุดต่างๆ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาและ เพื่อเป็นศูนย์รวมใจของชาวไทยและเป็นที่ปฏิบัติธรรมของชาวพุทธ จึงได้ชักชวนญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาสร้างวัดขึ้นที่ประเทศสก๊อตแลนด์

อ่านประวัติวัดธรรมปทีป สก๊อตแลนด์
Temple BiographyCalendar
M | T | W | T | F | S | S |
---|---|---|---|---|---|---|
« Jul | ||||||
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |